วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เครื่องดนตรีประเภท"เป่า"

ประเภทเครื่องเป่า


เครื่องดนตรีที่ใช้ลมเป่าออกจากปากผ่านเครื่องดนตรีทำให้เกิดสุ้มเสียงต่างๆ ประกอบด้วย ปี่ แนและขลุ่ย ดังนี้

1.ปี่ คือเครื่องเป่าที่ลำตัวทำด้วยไม้ไผ่และมีลิ้นโลหะที่เมื่อลมเป่าผ่านจะเกิด เสียง ปี่ที่ใช้เป่าประกอบการซอนั้นจะต้องใช้เป็นชุดจำนวน ๓,๔ หรือ ๕ เลา เรียกว่า ปี่ชุม (อ่าน “ ปี่จุม ” ) คือเป็นชุด ตัวปี่ทำด้วยไม้ไผ่ตระกูลไม้รวก ปี่ชุมหนึ่งจะต้องใช้ไม้ไผ่ลำเดียวกันทำ สาเหตุที่ต้องใช้ไม้ไผ่ลำเดียวกันนั้น เพราะขนาดช่วงปล้องและความหนาของเนื้อไม้จะไล่กันได้ระดับดี เมื่อเลือกไม้ไผ่ได้แล้วก็จะตัดเป็นขนาดต่างๆ กันตามลำดับ ปี่แต่ละเลาจะมีปลายด้านหนึ่งตัดโดยอาศัยข้อไม้ปิด อีกปลายหนึ่งเปิดใกล้กับข้อไม้ด้านที่ตัน ด้านปิดนี้เป็นที่ติดลิ้นปี่ซึ่งทำด้วยแผ่นทองเหลืองบางๆ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงกลางรีดเป็นรูปตัว V ยาวๆ ถัดจากลิ้นไปทางด้านเปิด ลำตัวปี่มีรูที่เจาะเรียงกันไปเป็นระยะจำนวน ๗ รู ปกติแล้วปี่มีเสียงเบา แต่ถ้าบรรเลงพร้อมกันทั้งชุมหรือทั้งชุดก็จะให้เสียงที่มีพลังหรือน้ำหนัก มากขึ้น
ปี่ของ ทางล้านนาถูกเรียกหลายชื่อว่า ปี่ชุม หรือ ปี่ซอ เพราะใช้ประกอบการขับซอ แต่ชาวล้านนาเองนั้นมักจะเรียกว่าปี่ชุม ชุมนั้นหมายถึง ชุด หรือชุม ปี่ชุมมีทั้งหมด ๕ เลา คือ
๑. ปี่แม่ หรือ ปี่เค้า (อ่าน “ ปี่เก๊า ” ) ทำจากไม้ไผ่ส่วนโคนมีขนาดใหญ่ที่สุดของแต่ละชุม มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ ๒ เซนติเมตร ยาวไม่ต่ำกว่า ๗๕ เซนติเมตร ปี่แม่มีเสียงทุ้มต่ำ
๒. ปี่กลาง (อ่าน “ ปี่ก๋าง ” ) มีขนาดรองลงไป ทำจากไม้ไผ่ช่วงที่ถัดจากปี่แม่ลงไป มีความยาวประมาณ ๔ ส่วนใน ๕ ส่วนของปี่แม่ ปี่กลางมีเสียงสูงขึ้นมา
๓. ปี่ก้อย มีขนาดเล็กถัดจากปี่กลางลงไป ทำจากไม้ช่วงที่ถัดจากปี่กลางลงไป มีความยาวประมาณ ๓ ส่วน ใน ๔ ส่วนของปี่กลาง ปี่ก้อยมีเสียงสูงกว่าปี่กลาง
๔. ปี่เล็ก เป็นปี่ที่ทำจากไม้ช่วงที่ถัดจากปี่ก้อยลงไป มีความยาวเป็นครึ่งหนึ่งของปี่กลางและเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๒-๑.๔ เซนติเมตร ปี่เล็กเป็นปี่ที่มีเสียงสูงกว่าปี่ก้อย
๕. ปี่ตัด เป็นปี่ที่มีขนาดเล็กที่สุดของชุม ซึ่งเป็นปี่ที่เพิ่งจะเพิ่มมาภายหลัง ปัจจับันไม่ค่อยนิยมใช้เท่าใดนักเพราะเป็นปี่ที่เป่ายากที่สุดในชุม
ปี่ไม่ นิยมใช้บรรเลงเดี่ยว แต่จะบรรเลงร่วมกับปี่ในชุดเดียวกันตั้งแต่ ๓ เลาขึ้นไปเพื่อประกอบการขับซอ นอกจากนั้นอาจใช้ปี่เพียง ๑ เลา บรรเลงร่วมกับวงดนตรีพื้นเมือง สะล้อ-ซึง ก็ได้




2.แน เป็นเครื่องเป่าประเภทหนึ่งบางครั้งถูกชาวบ้านเรียกว่า ปี่แน พบว่ามีขายแม้กระทั่งในตลาดของเมืองตาลี มณฑลยูนนาน ประเทศจีน และอาจจะได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ซึ่งมีเครื่องดนตรีประเภทเดียวกันนี้อยู่ด้วย ลิ้นของแนทำด้วยใบลานหรือใบตาล เป็นลิ้นคู่ประกบกันอยู่รอบๆ ท่อโลหะเล็กๆ ท่อนี้เสียงเข้าไปในท่อไม้กลมยาวซึ่งค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้น ท่อไม้นี้กลวงตลอดและรูภายในค่อยๆ โตขึ้นตามขนาดของไม้ด้วย รูที่เจาะบนท่อไม้เป็นระยะสำหรับปิดเปิดด้วยนิ้วมือทั้งสองข้าง ซึ่งมีจำนวน ๖ รู ปากลำโพงทำด้วยทองเหลือง ผู้เป่าที่ชำนาญอาจใช้แนทำเสียงให้ได้อารมณ์ต่างๆ หลายชนิด
แน มี ๒ ขนาด คือ แนหลวง หรือแนใหญ่ มารูปร่างลักษณะขนาดและวิธีเล่นเหมือนกับปี่มอญ กับ แนหน้อย หรือแนเล็ก มีขนาดเล็กและระดับเสียงสูงกว่าแนหลวง มีเสียงแหลม และวิธีการเล่นคล้ายปี่ชวา
แนไม่ใช้ บรรเลงเดี่ยว แต่จะเป็นส่วนใหญ่ในวงพาทย์หรือปี่พาทย์ล้านนา ซึ่งจะบรรเลงร่วมกับระนาดและฆ้องวง มีกลองเต่งถิ้งหรือตะโพนมอญ และฉาบเป็นเครื่องจังหวะสำคัญ แนจะเป็นเครื่องดนตรีที่นำวงเสมอ นอกจากนั้นยังใช้บรรเลงร่วมกับวงตึ่งนงในการประกอบการฟ้อนพื้นเมือง ใช้บรรเลงร่วมกับกลองเต่งถิ้งและฉาบ ประกอบการชกมวยโดยบรรเลงเพลงมวยของท้องถิ่น ในปัจจุบันก็ยังนิยมอยู่






3.ขลุ่ย แต่เดิมเรียกว่า ปี่ถิว เป็นเครื่องเป่าอีกชนิดหนึ่งที่ทำด้วยไม้ไผ่ รูปร่างคล้ายคลึงกับขลุ่ยปัจจุบันแต่ไม่มีลิ้นแบบขลุ่ย คือมีรูและใช้ใบตองอ่อนนาบอย่างที่ใช้มวนบุหรี่เข้าบังรูนั้นให้ลมกระพือ เป็นเสียง ต่อมาเมื่อได้รับอิทธิพลจากภาคกลางแล้วจึงใช้ขลุ่ยแบบภาคกลาง เพราะไม่ต้องกังวลกับการใช้ใบตองนาบมาทำลิ้นอีก นอกจากจะใช้ปี่ถิวเป่าเดี่ยวๆเพื่อความเพลิดเพลินแล้ว ยังใช้เป่าประสมวงสะล้อ-ซึง อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น