ดนตรีการล้านนามีมานานตามที่ปรากฏจากหลักฐาน
ในอดีตถึงปัจจุบันกล่าวถึงเครื่องดนตรีบางประเภทอาจไม่มีใครเคยคิดว่าเป็น
สิ่งที่อยู่กับล้านนามาก่อน เช่น จะเข้ แตรสังข์ และแคน
เครื่องดนตรีเหล่านี้แพร่กระจายในแถบล้านนาและไทยมาช้านาน
จากการศึกษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อาจจะกล่าวได้ว่าดนตรีล้านนาในอดีตมักมี
บทบาทที่โยงใยกับชีวิตความเป็นอยู่และที่สำคัญยังโยงใยกับศาสนาและกษัตริย์
โดยเฉพาะเชิงพิธีกรรมดังปรากฏในจารึกหลักที่ ๖๒ ของวัดพระยืน
ต.เวียงยองอ. เมือง จ.ลำพูนจารึกเมื่อพ.ศ.๑๙๑๓มีข้อความกล่าวไว้ว่า
...ตีพาทย์ ดังพิณ แตรสังข์ ค้อง กลอง
ปี่สรไน พิสเนญชัย ทะเทียด กาหล แตรสังข์ มรทรค์ ดงเดือด
เสียงเลิศเสียงก้อง อีกทั้งคนโห่อื้อ ดาสะท้าน ทั่วทั้งนครหริภุญชัยแล...
เครื่องดนตรีที่กล่าวถึงนี้ล้วนเป็นเครื่อง
ประโคมที่มีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมทางศาสนาโดยเฉพาะศาสนาพุทธในแถบสุโขทัย
และล้านนา
เพราะจารึกของวัดพระยืนเป็นการจารึกเรื่องราวของพระมหาสมุนเถระที่มาจาก
สุโขทัย
การดำรงอยู่คงต้องอาศัยปัจจัยสำคัญอย่างน้อย ๒ ประการได้แก่
แรงสนับสนุนส่งเสริม และ ความนิยม
ซึ่งแรงสนับสนุนส่งเสริมที่ปรากฏชัดได้แก่
การจัดสอนฟ้อนรำและดนตรีในราชสำนักอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในระยะแรกอาจสอนเฉพาะแบบราชสำนัก
ต่อมามีการส่งเสริมการฟ้อนรำและดนตรีพื้นบ้านเข้าไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยพระราชชายาเจ้าดารารัศในรัชกาลที่ ๕
มีท่านทรงสนับสนุนให้มีการศึกษาดนตรีไทยภาคกลาง มโหรี ปี่พาทย์เป็นต้น สำหรับ
ดนตรีถึงแม้จะไม่มีหลักฐานอ้างอิงว่าทรงส่งเสริมเครื่องดนตรีล้านนาชนิดใด
แต่พออนุมานหรือคาดเดาจากร่องรอยการแสดงที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน เช่น
ละครร้องเรื่องน้อยใจยา น่าจะใช้สะล้อและซึงเป็นหลัก การฟ้อนเล็บ
น่าจะใช้วงกลองตึ่งนง ส่วนฟ้อนม่านมุ้ยเชียงตา ฟ้อนดาบ น่าจะเป็นวงปี่พาทย์
(วงเต่งถิ้ง) เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น